หลักสูตรและตำราคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลักสูตรแกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

เขียนโดย หลักสูตรและตำราที่ใช้ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ 20:24 ไม่มีความคิดเห็น:
บทความที่ใหม่กว่า หน้าแรก
สมัครสมาชิก: ความคิดเห็น (Atom)

หน้าเว็บ

  • หน้าแรก
  • คณิตม.ต้น

เกมสำหรับคณิตศาสตร์

ความสำคัญของเกม

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า การเคลื่อนไหวทางด้านร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายก็คือ การทำให้อวัยวะต่างๆ ก่อให้เกิดการรับรู้นำไปสู่การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญาได้ ดังที่ สุมิตร สมาหิโต และสมโภช หลักฐาน (2534 : 1) ได้กล่าวว่า “…การพัฒนาการทางด้านร่างกายมีผลสืบเนื่องถึงพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม การพัฒนาการในด้านสติปัญญา การเรียนรู้และจินตนาการด้วย และการพัฒนาการในด้านสติปัญญา ความสามารถ อารมณ์ สังคม มาจากเงื่อนไข หรือรากฐานจากการพัฒนาการทางด้านร่างกาย”
เกมจึงเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่สนองความต้องการโดยธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย ต้องการการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นความต้อกงารทางสรีรศาสตร์ เกมเป็นกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่มีความหมาย มีความสนุกสนาน จึงทำให้มีความต้องการมากขึ้น นอกจากนั้นการเล่นเกมยังช่วยในการพัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยเฉพาะในวัยเด็กเป็นวัยที่จะต้องมีการพัฒนาความเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ กระดูก ขนาดของร่างกาย และระบบประสาทต่างๆ ซึ่งจะส่งผลไปสู่การพัฒนาการทางด้านอารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญาของเด็กด้วย การเคลื่อนไหวในวัยเด็กจะเริ่มพัฒนามาจากการนั่ง คลาน ยืน เดิน วิ่ง กระโดด การทุ่ม การขว้าง การปา ซึ่งลักษณะเหล่านี้เป็นการพัฒนาตามธรรมชาติ การเล่นเกมจะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวเหล่านั้นให้มีความหมายเป็นระบบ ช่วยให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะการเคลื่อนไหวเบื้องต้นได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นการช่วยในการเคลื่อนไหวต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีผลต่อการเล่นกีฬา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น ยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาทาด้านสุขภาพจิต ผ่อนคลายความเครียดด้วยความสำคัญดังกล่าว เกมจึงได้ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา

ประโยชน์ของเกม

การเล่นเกมไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนานผ่อนคลายความเครียดแล้วยังเป็นการพัฒนาองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกาย มีผลทำให้สุขภาพดีตามมาเป็นการพัฒนาตนเอง ฝึกฝนประสบการณ์การทำงาน จึงทำให้การเล่นเกมมีประโยชน์อย่างมากมาย ดังนี้
1.ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย การเล่นทำให้ผู้เล่นต้องเคลื่อนไหวร่างกายตลอด
เวลา การที่ร่างกายได้เคลื่อนไหวเป็นการพัฒนาอวัยวะต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เกิดความคล่องในการพัฒนาการเคลื่อนไหว ทำให้การเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง มีสุขภาพดี
2.ส่งเสริมการพัฒนาด้านจิตใจ การเล่นเกมเป็นการฝึกฝนให้มีความซื่อสัตย์เชื่อฟัง
เคารพกติกาการเล่น มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ ทำให้กล้าแสดงออก มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีนำใจเป็นนักกีฬา ไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มีความกล้าหาญ มีวินัยในตนเองและหมู่คณะ สร้างความสามัคคี เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
3.ส่งเสริมพัฒนาทางด้านอารมณ์ การเล่นเกมจึงมักจะมีกติกาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเคร่ง
ครัด เหมือนกับการเล่นกีฬาก็ตาม แต่ทุกรคนจะต้องยอมรับและปฏิบัติตามรู้จักอดกลั้น ไม่แสดงการเสียใจโกรธจออกนอกหน้าเมื่อฝ่ายตนเองแพ้ ในทางตรงกันข้าม ไม่แสดงคามดีใจจนเกินไป จนกลายเป็นพฤติกรรมที่เยาะเย้ยถากถางฝ่ายตรงกันข้าม ดังนั้น การเล่นเกมจึงเป็นการพัฒนาทางด้านอารมณ์ในลักษณะต่างๆ เช่น อารมณ์โกรธ เกลียด และหลง ให้อยู่ในอารมณ์ที่มั่นคง ปรับอารมณ์ให้เข้ากับสภาวะแวดล้อม ช่วยลดความคับข้องใจในขณะที่เล่น และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.ส่งเสริมพัฒนาทางด้านสังคม การเล่นเกมบางประเภทต้องเล่นรวมกันเป็นกลุ่ม ต้อง
อาศัยความร่วมมือร่วมใจ สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้น เป็นการพัฒนาด้านความสัมพันธ์กับคนอื่น รู้บทบาทหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่ม เป็นการส่งเสริมในเรื่องการยอมรับผู้อื่น มีการแข่งขันถ้อยทีถ้อยอาศัย ร่วมมือกัน ประสานงานกัน การแสดงออกอย่างเหมาะสม ไม่ก้าวร้าว จริงใจ ทำให้เกิดเป็นสังคมที่ดีที่สุด
5.ส่งเสริมพัฒนาทางด้านทักษะการเคลื่อนไหว เกมเป็นกิจกรรมที่พัฒนามาจากการเล่น รูปแบบการเล่นเกมจึงมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ การเคลื่อนไหวเบื้องต้น เช่น การเดิน การวิ่ง การกระโดด การขว้าง และการปา เหล่านี้จะเป็นการพัฒนาทักษะให้เป็นอัตโนมัติ สามารถพัฒนาการเคลื่อนไหวไปสู่การเล่นกีฬาได้ทั้งนี้ เพราะว่าการเคลื่อนไหวในการเล่นเกมนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวเบื้องต้น ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพเป็นการเสริมสร้างทักษะเบื้องต้นของการเล่นกีฬาได้


ประเภทของเกม

เกมเป็นการเล่นง่ายๆ ที่มีกฎกติกาง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
1.เกมการเล่นเป็นนิยาย และการเล่นเลียนแบบ (Story play and Mimeties) เป็นการเล่นที่ผู้เล่นแสดงท่าทางตามที่ผู้เล่าเรื่อง ที่เป็นนิทานหรือนวนิยาย หรือเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเอง ผู้เล่นก็ทำท่าทางประกอบการเล่าเรื่องนั้นๆ อาจจะเป็นการเลียนแบบสัตว์สิ่งของ เช่น รถยนต์ เครื่องบิน ต้นไม้ หรืออื่นๆ
2.เกมเบ็ดเตล็ด (Low organization games) เป็นการเล่นเบ็ดเตล็ด เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้เล่นมีทักษะการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ
3.เกมที่สร้างเสริมสมรรถภาพของตนเอง (Self testing activities) เป็นการเล่นเกม การเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาความแข็งแรง และอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น การต่อตัว การทรงตัว การห้อยโหน การดัน การปีนป่าย การม้วนตัว การขว้าง เป็นต้น
4.การเคลื่อนไหวและการเล่นประกอบเพลงหรือกิจกรรมเข้าจังหวะ (Motion song and Singing games or Rhythmic activities) เป็นเกมการเล่นที่มีการเคลื่อนไหวประกอบจังหวะของเพลงและจังหวะอื่นๆ เช่น การตบมือ การเคาะสิ่งต่างๆ ทำให้เกิดเสียงดังเป็นจังหวะเสียงฉิ่ง เสียงฉาบ เป็นต้น
5.เกมการเล่นพื้นบ้าน (Natives play games) เป็นเกมการเล่นที่นิยมกันในท้องถิ่นที่สืบต่อกันมาช้านาน เล่นกันในเวลาว่าง ในเทศกาลต่างๆ
6.เกมนำ (Lead-up games) เป็นเกมการเล่นที่นำไปสู่การเล่นกีฬาใหญ่ ๆ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล กรีฑา เป็นต้น ซึ่งหมายถึงกิจกรรมที่ใช้ทักษะของกีฬาใหญ่ แต่ดัดแปลงให้มีกฎกติกาน้อยลง และตัดทักษะบางอย่างออกเพื่อสะดวกและเล่นง่ายยิ่งขึ้น เหมาะสมกับขนาด เพศ และวัยของผู้เล่น นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้คนที่ไม่สามารถเล่นกีฬาใหญ่ได้ ให้เล่นเกมนำไปก่อน
ที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นเป็นประเภทของเกม ซึ่งในแต่ละประเภทของเกมมีรายละเอียดวิธีการเล่น จุดมุ่งหมายของการเล่นที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะของแต่ละเกมนั้นๆ สำหรับจุดมุ่งหมายของเกมโดยทั่วๆ ไป จะมีดังต่อไปนี้
1.เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลินเพลินและได้ออกกำลังกาย
2.เพื่อให้สนองความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวชั้นพื้น
ฐานต่างๆ
3.เพื่อส่งเสริมพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพ
4.เพื่อส่งเสริมพัฒนาความเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติ
ปัญญา
5.เพื่อเป็นการปลูกฝังคุณธรรม ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา และความมีระเบียบวินัย
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายโดยทั่วไปของเกม เพื่อให้มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับการจัดระบบการศึกษา การเรียนการสอน การเลือกประเภทของเกมจึงเป็นสิ่งจำเป็น และมีความสำคัญ เกมเบ็ดเตล็ดหรือเกมมูลฐาน จึงเป็นประเภทของเกมที่ควรจะได้นำมาใช้ เพราะเป็นประเภทของเกมที่มีการเล่นหลายชนิดด้วยกัน เกมเบ็ดเตล็ดเป็นการเล่นที่มีความเหมาะสมกับนักเรียนระดับชั้นก่อนประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษาจึงได้บรรจุเข้าไวในหลักสูตรด้วย ทั้งนี้ เพราะว่าเกมเบ็ดเตล็ดเป็นการเล่นที่ทำให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนานเพลินเพลิน และได้ออกกำลังกายเป็นการวางรากฐานทางร่างกายให้ร่างกายมีความแข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมที่จะเล่นกีฬาในระดับสูงขึ้นไปตามระดับอายุ นอกจากนั้นยังเป็นการจัดประสบการณ์ในการเล่นเป็นหมู่คณะได้ดีอีกด้วย ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก เพื่อให้ครูผู้สอนหรือผู้นำการเล่นเกมได้เข้าใจรู้จักเลือกสรรเกมการเล่นให้เด็กแล้ว การเล่นเกมจะนำไปสู่การสร้างเสริมหรือพัฒนาการของเด็กให้เกิดการเรียนรู้ และลักษณะนิสัยที่ดี ครู หรือผู้นำเกมจึงมีบทบาทสำคัญในการนำการเล่นเกมให้ประโยชน์ จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับลักษณะของเกมเบ็ดเตล็ดแต่ละชนิด คือ
1.เกมการเล่นเป็นนิยายและการเลียนแบบ เป็นเกมการเล่นที่เหมาะสมกับเด็กเล็ก และนัก
เรียนชั้นประถมศึกษา โดยครูผู้สอนเป็นผู้เล่าเรื่องให้เด็กฟัง แล้วให้เด็กแสดงบทบาทไปตามเนื้อเรื่องนั้นๆ เพื่อให้เกิดความสนุกสนานได้ออกกำลังกายไปด้วย ครูควรได้เล่าเรื่องที่มีการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา หรือส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อใหญ่ๆ ที่เคลื่อนไหวได้ ซึ่งนอกจากส่งเสริมให้เคลื่อนไหวได้ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเจริญเติบโตแล้ว ยังส่งเสริมให้เด็กเกิดจินตนาการ เช่น การเลียนแบบรถไฟ เครื่องบิน เป็ดเดิน กระต่ายกระโดด นกบิน ฯลน เป็นต้น แต่ในเอกสารเล่มนี้จะเน้นเรื่องการเลียนแบบสัตว์ชนิดต่างๆ เท่านั้น
2.เกมการเล่นที่มีจุดหมายหรือชิงที่หมาย (Goal game) หรือเป็นเกมการเล่นที่มีกฎกติกาและระเบียบการเล่น โดยผู้เล่นทุกคนมีจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติ คือ เป็นผู้ชนะเลิศในการเล่นโดยสามารถปฏิบัติได้รวดเร็วถูกต้อง เป็นเกมการเล่นที่ฝึกประสาทความสัมพันธ์ระหว่างประสาทกับกล้ามเนื้อ ฝึกให้ใช้ความคิด ไหวพริบ การตัดสินใจอย่างฉับพลัน ฝึกการเป็นผู้นำ เกมการเล่นนี้ทำให้เกิดความสนุกสนานได้ออกกำลังกายผ่อนคลายความเครียด
3.เกมการเล่นหนีไล่จับหรือแตะ (Tag games or Hunting games) เป็นเกมการเล่นที่
ฝ่ายหนึ่งวิ่งหนี โดยให้อีกฝ่ายหนึ่งวิ่งไล่จับหรือแตะ เพื่อให้เกิดความสนุกสนานได้ออกกำลังกาย ฝึกความคล่องแคล่วว่องไว เสริมสร้างความอดทนของกล้ามเนื้อระบบหายใจ
4.เกมการเล่นแข่งขันเป็นรายบุคคล (Individual contests) เป็นเกมการเล่นที่ผู้เล่นจะต้องแข่งขันกันด้วยการต่อสู้โดยการออกแรง แต่เป็นการต่อสู้ที่ไม่จริงจัง เป็นการชนะกันโดยอาศัยไหวพริบความเร็วด้วยการออกแรงเอาชนะกันในเวลาอันสั้นเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ ผลแพ้ชนะทำให้พอใจกันทั้งสองฝ่าย การแข่งขันอาจแบ่งเป็น 2 คน หรือหลายคนก็ได้ เช่น การแข่งขันวิ่งวิบาก วิ่งกระสอบ เป็นต้น
5.เกมการเล่นแบบผลัด (Relays games) เป็นเกมการเล่นที่มีการแข่งขันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยผลัดกันทำ การแข่งขันยึดหลักการทำงานเสร็จก่อน หรือถือเอาจำนวนคะแนนที่ทำได้ตามที่กำหนดไว้ การแข่งขันจะเริ่มต้นด้วยการมีเส้นเริ่มและเส้นชัย โดยแต่ละพวกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ผลัดกันทำตั้งแต่คนแรกจนกระทั่งถึงคนสุดท้าย ตัดสินด้วยความเร็ว ฝ่ายใดทำเสร็จก่อนถูกต้องตามกติกาเป็นฝ่ายชนะ เช่น วิ่งเปี้ยว เป็นต้น
6.เกมการเล่นเป็นหมู่ (Mass contest) เป็นเกมการเล่นที่มีการแข่งขันกันเป็นหมู่เป็นพวก ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของสมาชิกในหมู่ หรือในพวกของตัวเอง เป็นการสร้างความสามัคคี การทำงานร่วมกัน ประสานงานกัน และร่วมมือกันรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง เช่นเกมการเล่น เรือบก ดักแด้ เป็นต้น
7.เกมนำ (Lead-up games) เป็นเกมการเล่นที่นำไปสู่กีฬาใหญ่ๆ การเล่นต้องอาศัยทักษะของกีฬาแต่ละประเภท แต่กฎกติกาการเล่นน้อยลง เกมนำไปสู่กีฬาใดก็คือ การใช้ทักษะกีฬาประเภทนั้นๆ เช่น ลิงชิงบอล ถ้าใช้เท้าเล่นก็เป็นเกมนำไปสู่กีฬาฟุตบอล หากเปลี่ยนเป็นการเล่นด้วยมือก็จะเป็นเกมนำไปสู่กีฬาบาสเกตบอล เป็นต้น
เกมเบ็ดเตล็ด ความหมายก็คือ การเล่นที่มีกฎ กติกา ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องมีทักษะชั้นสูงในการเล่น เพียงแต่มีทักษะการเคลื่อนไหวเบื้องต้นเป็นพื้นฐาน จุดมุ่งหมายก็เพื่อความสนุกสนาน ได้ออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการเคลื่อนไหวทางกาย เป็นการนำไปสู่การเล่นกีฬาใหญ่ๆ








เกี่ยวกับฉัน

หลักสูตรและตำราที่ใช้ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

  • ▼  2010 (12)
    • ►  ตุลาคม (8)
    • ►  กันยายน (3)
    • ▼  มิถุนายน (1)
      • หลักสูตรแกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
หน้าต่างรูปภาพ ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.